top of page

If Music be the Food of Love

Henry Purcell

  • บทเพลงนี้เขียนเนื้อร้องหรือบทกวีโดย Colonel Henry Heveningham (1651-1700) นักกวีชาวอังกฤษ ในบทกวีของเค้าจะกล่าวยกย่องทั้งดนตรีและความรัก และเป็นหนึ่งในบทเพลงที่มีชื่อเสียงของ Heveningham และ Purcell

  • เนื้อหาของบทเพลงนี้นั้น : เกี่ยวกับบทกวีที่กล่าวถึว่าตัวของคุณและดนตรีสามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้และสามารถสื่อสารออกมาให้ผู้ที่ฟังรับรู้และเข้าใจในความรู้สึกของตัวเรา 

  • บทเพลงนี้มีโครงสร้างแบบ A B A B ในบทเพลงมีอยุ่ 2 ทำนองหลักที่สำคัญที่เน้นในด้านภาษาหรือความหมายในตัวบทเพลงและย้อนกลับมาเหมือนเดิม​​

1_i8eXW8qIbjO6pZbxwqTZtw.jpeg

Biography

  • จุดเด่นของบทเพลง: ในตอนเริ่มต้นมีการใช้สัญลักษณ์ slow และ P และดังขึ้นในห้องที่ 3 ซึ่งแปลว่า ผู้แต่งเองนั้นต้องการจะสื่อความหมายหรือซัพพอร์ตในคำร้องของแต่ละจุดที่ประโยคแรกขึ้นมาโดยมีความหมายในเชิงการตั้งคำถาม    และห้องที่ดังขึ้นใช้เนื้อร้องเดิมเพื่อส่งอารมณ์ถึงผู้ฟังมากขึ้น   และในตอนจบของท่อนAมีการเปลี่ยนบันไดเสียงไปหา Subdominant ของ F minor คือ Bb minor
79338792_598755524196576_325058932588412

If Music be the Food of Love ห้องที่ 1-6

  • ท่อน B จะกลับมาที่ Tonic อีกครั้งเพื่อเน้นอารมณ์และคำว่าถ้อยคำที่แสดงออกมา ตามความหมายและเน้นย้ำความหมายของบทเพลงนั้นให้ออกมาชัดเจนมากยิ่งขึ้น
78915588_2549358998496716_83209396778549

If Music be the Food of Love ห้องที่ 39-44

                Text

If music be the food of love,                        ถ้าเสียงดนตรีเป็นเหมือนอาหารแห่งความรัก

Sing on till I am fill’d with joy;                       จงร้องมันต่อไปให้ฉัน จนกว่าจะเติมความสุขจนเต็ม

For then my list’ning soul you move              ถึงจิตวิญญาณของฉันที่ยังคงเคลื่อนไหว

To pleasures that can never cloy.                 เพื่อความสุขที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

Your eyes, your mien, your tongue declare   ถ้อยคำของคุณที่แสดงออกมา

That you are music ev’rywhere.                    ว่าดนตรีและคุณเป็นหนึ่งเดียวกัน

Pleasures invade both eye and ear,              ความสุขพรั่งพรูผ่านดวงตาและหู

So fierce the transports are, they wound,       แทรกซึมเข้ามาดั่งไฟที่แผดเผา

And all my senses feasted are,                     ทุกประสาทสัมผัสของฉันโลดแล่นอย่างปิติ

Tho’ yet the treat is only sound,                     ด้วยเสียงเพียงเท่านั้น

Sure I must perish by your charms,                 แน่นอนว่าฉันต้องตายด้วยเสน่ห์ของคุณ

Unless you save me in your arms.                 โอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขนของคุณ

bottom of page